ความเป็นมาของดนตรีพื้นบ้านภาคอีสาน
ดนตรีพื้นบ้านภาคอีสาน
เป็นดนตรีประจำภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีประวัติความเป็นมานับพันปีและสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบันโดยยังดำรงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมพื้นบ้านไว้อย่างมั่นคงในการศึกษาอาจสืบค้นจากการใช้คำว่า“ดนตรี”ในวรรณกรรมพื้นบ้านได้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน
การที่จะสืบค้นประวัติความเป็นมาของดนตรีอีสานให้ได้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงนั้นทำได้ยากเพราะไม่มีเอกสารใดที่บันทึกเรื่องราวทางดนตรีโดยเฉพาะจะมีกล่าวถึงในวรรณคดีก็เป็นส่วนประกอบของท้องเรื่องเท่านั้นเองและที่กล่าวถึงส่วนมากก็เป็นดนตรีในราชสำนัก โดยกล่าวถึงชื่อดนตรีต่างๆเช่น แคน พิณ ซอ ไค้ (แคนของชาวเขา) ขลุ่ย กลอง ตะโพนพาทย์(กลอง ระนาด ฆ้อง สไนง์(ปี่เขาควาย) สวนไล(ชะไล-ปี่ใน)ปี่อ้อหรือปี่ห้อเป็นต้นส่วนการประสมวงนั้นที่เอยก็มีวงมโหรีส่วนการประสมอย่างอื่นไม่กำหนดตายตัวแน่นอนเข้าใจว่าจะประสมตามใจชอบแม้ในปัจจุบันการประสมวงของดนตรีอีสานก็ยังไม่มีมาตรฐานที่แน่ยอนแต่อย่างใดอย่างไรก็ตามดนตรีอีสานในปัจจุบันที่ยังคงปฏิบัติอยู่มีทั่งดนตรีประเภทบรรเลงและดนตรีประเภทขับร้อง
หุนหรือหึน
เป็นเครื่องดนตรีทำด้วยไม้ไผ่ทางภาคกลางเรียกว่าจ้องหน่องกลุ่มวัฒนธรรมกันตรึมเรียกว่าอังกุยเวลาดีดต้องใช้ปากคาบไว้ที่กระพุ้งแก้มซึ่งจะทำหน้าที่เป็นเครื่องขยายเสียงนิยมเล่นเดี่ยวมากกว่าบรรเลงกับดนตรีชนิดอื่นชาวผู้ไทจะเรียกหุนหรือหึนว่าโกยนิยมเล่นในกลุ่มผู้หญิงชาวผู้ไทสมัย
รูปภาพ หุนหรือหึน
พิณไห หรือไหซอง
เป็นพิณที่ทำมาจากไหที่ใส่ปลาร้าของชาวอีสานนิยมทำเป็นชุดๆ ละ3 ใบมีขนาดลดหลั่นกันไปตรงปากไหขึงด้วยยางหนังสติ๊กหรือยางในรถจักรยานแล้งผูกขึงให้เสียงประสานกันโดยทำหน้าที่คล้ายกับกีตาร์เบสผู้เล่นจะร่ายรำประกอบไปด้วย
รูปภาพ พิณไหหรือไหซอง
เครื่องดนตรีประเภทสี
ซอพื้นเมือง
เครื่องดนตรีพื้นเมืองอีสานประเภทเครื่องสีคือซอชาวบ้านใช้เล่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทั้งๆทีซอมีเสียงไพเราะกว่าหรือพอๆกับเครื่องดนตรีชนิดอื่นแต่ก็มีผู้เล่นไม่มากนัก
รูปภาพ ซอพื้นเมือง
รูปร่างลักษณะ
วงการดนตรีเชื่อว่าเครื่องดนตรีประเภทสีมีวิวัฒนาการมาจากประเภทดีดสมัยที่มีเครื่องสายแรกๆนั้นคงใช้นิ้วมือหรือวัตถุบางๆดีดให้เกิดเสียงเสียงที่เกิดมักเป็นช่วงสั้นๆเมื่อต้องการทอดเสียงให้ยาวออกไปจำเป็นต้องดีดรัวซึงก็เป็นช่วงสั้นๆติดต่อกันอย่างรวดเร็วอยู่นั้นเองภายหลังจึงค้นพบว่าถ้าสีสายด้วยคันชักจะทำให้มีเสียงยาวไม่ขาดตอนและมีลักษณะเสียง(ToneColor)คนละแบบกับการดีดต่อมาจึงแยกเครื่องดนตรีประเภทดีดกับประเภทสีออกเป็นคนละประเภท
โอกาสที่บรรเลง
โอกาสใช้ซอบรรเลงก็เหมือนเครื่องดนตรีชนิดอื่นที่กล่าวมาแล้วเช่นการคบงันการฉลองงานเทศกาลต่างๆซอใช้ทั้งเดี่ยวและผสมวง
ซอไม้ไผ่ หรือซอบั้ง
เป็นซอที่ทำจากไม้ไผ่1ปล้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ
2-3นิ้วถากผิวออกจนเหลือกระบอกบางๆเจาะรูให้เกิดโพรงเสียงขึ้นสายสองสายไปตามความยาวของกระบอกไม้ไผ่แล้วสีด้วยคันชักมีข้อเสียคือเสียงเบาเกินไป
รูปภาพ ซอไม้ไผ่ หรือซอบั้ง
ซอปี๊บ
เป็นซอที่ทำจากปี๊บน้ำมันก๊าดหรือปี๊บลูกอมมีสายลวดสองสายขึ้นเสียงคู่สี่หรือคู่ห้าคันชักอาจอยู่ระหว่างกลางของสายทั้งสองหรืออาจจะอยู่ข้างนอกทั้งนี้ขึ้นอยู่กับครูแต่ละคนแต่ส่วนมากแล้วถ้าสีประกอบหมอลำนิยมให้คันชักอยู่ข้างนอกเพลงที่สีซอปี๊บเป็นเพลงแคน อาจสีเดี่ยวหรือสีประสานเสียงหมอลำก็ได้
รูปภาพ ซอปี๊บ
ซอกระป๋อง
เป็นซอสองสายเช่นเดียวกับซอปี๊บแต่กระโหลกซอทำด้วยกระป๋องและนิยมวางคันชักไว้ข้างในคืออยู่ระหว่างกลางของสายทั้งขึ้นเสียงเป็นคู่ห้านิยมสีเพลงลูกทุ่งประกอบการขับร้องหรือสีเพลงลายพื้นบ้านของแคน
รูปภาพ ซอกระป๋อง
เครื่องดนตรีประเภทตี
โปงลาง
ดนตรีพื้นเมืองอีสานถือว่าจังหวะสำคัญมากเครื่องดนตรีประเภทตีใช้ดำเนินทำนองอย่างเดียวคือโปงลางโปงลางมีวิวัฒนาการมาจากระฆังแขวนคอสัตว์เพื่อให้เกิดเสียงโปงลางที่ใช้บรรเลงอยู่ในภาคอีสานมี2ชนิดคือโปงลางไม้และโปงลางเหล็กภาพที่แสดงคืโปงลางไม้ซึ่งประกอบด้วยลูกโปงลางประมาณสิบสองลูกเรียงตามลำดับเสียงสูงต่ำใช้เชือกร้อยเป็นแผงระนาดแต่โปงลางไม่ใช้รางเพราะเห็นว่าเสียงดังอยู่แล้วแต่นำมาแขวนกับที่แขวนซึ่งยึดส่วนปลายกับส่วนโคนให้แผงโปงลางทำมุมกับพื้น45องศาไม้ตีโปงลางทำด้วยแก่นไม้มีหัวงอนคล้ายค้อนสำหรับผู้บรรเลงใช้ตีดำเนินทำนอง1คู่และอีก1คู่สำหรับผู้ช่วยใช้เคาะทำให้เกิดเสียงประสานและจังหวะตามลักษณะของดนตรีพื้นเมืองอีสานที่มีเสียงประสาน
รูปภาพ โปงลาง
โอกาสที่บรรเลง
เนื่องจากโปงลางประกอบด้วยลูกโปงลางขนาดใหญ่หลายลูกจึงมีน้ำหนักมาก ไม่สะดวกแก่การเคลื่อนย้ายได้เหมือนเครื่องดนตรีพื้นบ้านชนิดอื่น ๆ คราวใดมีการบรรเลงอยู่กับที่และต้องการให้งานเป็นที่เอิกเกริกครื้นเครงโปงลางมักมีส่วนด้วยเสมอ
เนื่องจากโปงลางประกอบด้วยลูกโปงลางขนาดใหญ่หลายลูกจึงมีน้ำหนักมาก ไม่สะดวกแก่การเคลื่อนย้ายได้เหมือนเครื่องดนตรีพื้นบ้านชนิดอื่น ๆ คราวใดมีการบรรเลงอยู่กับที่และต้องการให้งานเป็นที่เอิกเกริกครื้นเครงโปงลางมักมีส่วนด้วยเสมอ
กลองเส็ง
หรือกลองกิ่งหรือกลองแต้เป็นกลองคู่ประเภทกลองหน้าเดียวนิยมใช้สำหรับการประลองความดังหรืออาจใช้กับงานบุญประเพณีต่างๆเช่นงานบุญบั้งไฟหรืองานบุญเผวด เป็นต้น การตีกลองเส็งจะใช้ไม้ตีซึ่งจะทำจากไม้เค็งหรือไม้หยีเพราะเหนียวและทนกว่าไม้ชนิดอื่นๆกลองสองหน้าหุ่นกลองทำด้วยไม้ขึ้นหน้าด้วยหนังดึงให้ตึงด้วยเชือกหนังมีขนาดต่างๆกันตั้งแต่ขนาดยาวประมาณ50เซนติเมตรจนถึง150เซนติเมตรโดยทั่วไปขนาดประมาณด้านหน้าขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง18เซนติเมตรด้านหลังขนาด15เซนติเมตรความยาวของกลอง36เซนติเมตรชุดหนึ่งมี2ลูกใช้ตีด้วยไม้มะขามหรือไม้เล็งหุ้มตะกั่วที่หัวเสียงดังมากการเทียบเสียงไม่มีการเทียบระดับเสียงแต่พยายามปรับให้มีเสียงดังกังวานมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
รูปภาพ กลองเส็ง
กลองยาว
เป็นกลองด้วยหนังหน้าเดียวตัวกลองทำด้วยไม้มะม่วงตอนหน้าของกลองจะมีขนาดใหญ่ตอนท้ายมีลักษณะเรียวหลายขนาดตรงกลางของหน้ากลองจะติดข้าวสุกบดผสมกับขี้เถ้าถ้วงเสียงตัวกลองยาวให้เกิดเสียงก้องดังน่าฟังยิ่งขึ้นนิยมใช้ตีสำหรับขบวนแห่เช่นแห่เทียนแห่กันหลอนหรือแห่พระเวส เป็นต้น
รูปภาพ กลองยาว
กลองตุ้ม
เป็นกลองสองหน้าคล้ายกลองตะโพนในทางดนตรีไทยแต่ต่างจากตะโพนตรงที่หน้าของกลองตุ้มทั้งสองข้างนั้นมีขนาดเท่ากันส่วนใหญ่ใช้ตีกับกลองยาวสำหรับขบวนแห่หรือขบวนฟ้อนในงานเทศกาลต่างๆ
รูปภาพ กลองตุ้ม
กลองตึ้ง
เป็นกลองรำมะนาขนาดใหญ่ใช้บรรเลงในวงกลองยาวเวลาตีต้องใช้คน
2 คนหามและให้คนที่อยู่ข้างหลังเป็นคนตีไปด้วย
รูปภาพ กลองตึ้ง
กลองกาบบั้ง
หรือกลองกาบเบื้องมีลักษณะแบบเดียวกับกลองตึ้งแต่มีขนาดเล็กกว่าเป็นกลองหน้าเดียวหรือเบื้องเดียวนิยมใช้ตีผสมวงกับกลองตุ้มและกลองยาวเพื่อประกอบในขบวนแห่และขบวนฟ้อนในงานเทศกาลต่าง ๆ
รูปภาพ กลองกาบบั้ง หรือกลองกาบเบื้อง
กลองหาง
เป็นกลองยาวชนิดหนึ่งแต่มีรูปร่างเพรียวกว่าของภาคกลางที่เรียกกลองหางเพราะมีลำตัวยาวเหมือนหางใช้ตีผสมกับกลองตุ้มและกลองกาบบั้งประกอบการฟ้อนหรือขบวนแห่งานบุญต่าง ๆ
รูปภาพ กลองหาง
เครื่องดนตรีประเภทเป่า
แคน
เป็นเครื่องเป่าที่รู้จักกันแพร่หลายและถือว่าเป็นเครื่องดนตรีที่เป็นสัญลักษณ์ของชาวอีสานแคนทำด้วยไม้ไผ่กู่แคนหรือไม้ซาง เรียกว่าไม้เฮี้ยหรือไม้เฮื้อเป็นพืชตระกูลไม้ไผ่ใช้เป็นคู่ๆประกอบกันเข้าโดยอาศัยเต้าแคนเป็นแกนแคนมีหลายชนิด
เรียกชื่อตามจำนวนคู่ของไม้ไผ่ที่นำมาประกอบกันได้แก่แคนสามแคนสี่แคนห้าแคนหก
แคนเจ็ดแคนแปดแคนเก้าแคนจะเจาะรูนับทุกลำลูกแคนตัดให้ต่อลดหลั่นลงมาเพื่อหาเสียงให้ได้ระดับสูงต่ำการเป่าแคนจะเป่าเป็นทำนองเรียกว่าลายแคนนิยมใช้เล่นกับหมอลำหมอลำกลอน เป็นต้น
การเทียบเสียงแคนเป็นเครื่องดนตรีที่มี7เสียง(ระบบไดอะโตนิค) แต่นิยมเล่นเพียง5เสียง(เพนอะโตนิค)
รูปภาพ แคน
โหวด
เป็นเครื่องเป่าที่ทำด้วยลูกแคนแต่ไม่มีลิ้นโดยเอากู่แคนประมาณ 7-12
ชิ้น
มาตัดให้ได้ขนาดลดหลั่นกันให้ปลายทั้งสองเปิดปลายด้านล่างใช้ขี้สูตรปิดให้สนิทส่วนปลายบนปิดไว้สำหรับรูเป่าโดยนำกู่แคนมารวมกันเข้ากับแกนไม้ไผ่ที่อยู่ตรงกลางจัดลูกแคนล้อมแกนไม้ไผ่ในลักษณะทรงกลมตรงหัวโหวดใช้ขี้สูตรก่อให้เป็นรูปกรวยแหลมเพื่อใช้เป็นฐานสำหรับจรดฝีปากด้านล่างและให้โหวดหมุนได้รอบทิศเวลาเป่า
โหวดเป็นเครื่องเป่าชนิดหนึ่งที่ไม่มีลิ้น
เกิดจากกระแสลมที่เป่าผ่านไม้รวกหรือไม้เฮี้ย(ไม้กู่แคน)หรือไม้ไผ่ด้านรูเปิดของตัวโหมดทำด้วยไม้รวกขนาดเล็กสั้นยาวเรียงลำดับตามความสูงต่ำของเสียงติดรอบกระบอกไม้ไผ่ที่ใช้เป็นแกนกลางติดไว้ด้วยขี้สูตรมีจำนวน6-9เลาความยาวประมาณ25เซนติเมตรเวลาเป่าจะหมุนไปรอบๆตามเสียงที่ต้องการแต่เดิมโหวดใช้ผูกเชือกผู้เล่นถือปลายเชือกแล้วเหวี่ยงขึ้นไปบนท้องฟ้าทำให้เกิดเสียงโหยหวนภายหลังจึงพัฒนาไปเป็นเครื่องดนตรีการเทียบเสียงระบบ5เสียง
รูปภาพ โหวด
ปี่ผู้ไท
เป็นปี่ที่ทำจากไม้กู่แคนโดยเอาไม้กู่แคนมาคู่แคนมาปล้องหนึ่งตัดโดยเปิดปลายข้างหนึ่งและไปยังปลายข้ออีกข้างหนึ่งตรงปลายด้านที่บั้งข้อเจาะช่องสำหรับใส่ลิ้นที่ทำด้วยทองเหลืองเจาะรูเยื่อ 1 รู และนับรู 5 รู ปรับเสียงให้เท่ากับเสียงแคน
รูปภาพ โหวด
เครื่องดนตรีประเภทประกอบจังหวะ
เครื่องดนตรีประกอบจังหวะมีความสำคัญมากเพราะดนตรีพื้นเมืองบ่งบอกถึงความหนักแน่นความรื่นเริงจึงต้องอาศัยเครื่องประกอบจังหวะเพื่อให้เสียงกระชับและดังจึงหาเครื่องประกอบจังหวะมาประกอบหลายชนิด
ดังต่อไปนี้
1. เครื่องโลหะ เป็นเครื่องประกอบจังหวะที่ทำด้วยโลหะมีหลายชนิด คือ
1.1 ฉิ่ง ชาวบ้านเรียกสิ่งขนาดและรูปร่างคล้ายกับฉิ่งที่ใช้กันอยู่ที่ไปแต่บางกว่าฉิ่งมาตรฐานของไทยจึงมีเสียงต่ำและกังวาลน้อยกว่า
1.1 ฉิ่ง ชาวบ้านเรียกสิ่งขนาดและรูปร่างคล้ายกับฉิ่งที่ใช้กันอยู่ที่ไปแต่บางกว่าฉิ่งมาตรฐานของไทยจึงมีเสียงต่ำและกังวาลน้อยกว่า
รูปภาพ ฉิ่ง
1.2 ฉาบกลาง ชาวบ้านเรียกสาบมีขนาดใหญ่กว่าฉาบกรอเล็กน้อย

รูปภา ฉาบกลาง
1.3ฉาบใหญ่ ชาวบ้านเรียกแส่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในจำพวกฉาบด้วยกันเนื่องจากขนาดของมันจึงทำให้มีน้ำหนักมากความคล่องตัวมีน้อยมักใช้ประกอบจังหวะกับวงกลองหลายๆใบหรือกลองขนาดใหญ่เท่านั้น
รูปภาพ ฉาบใหญ่
1.4 ฆ้อง ลักษณะคล้ายกับฆ้องไทยทั่วไป
รูปภาพ ฆ้อง
2. เครื่องไม้ หมายถึงเครื่องประกอบจังหวะที่ทำด้วยไม้
ทำให้เกิดเสียงด้วยการใช้ไม้กระทบกันเช่นเดียวกับกรับที่ชาวบ้านเรียกว่า
หมากกับแก๊บหรือก๊อบแก๊บหรือกรับคู่เป็นกรับพื้นเมืองอีสานที่ทำด้วยไม้ธรรมดา 2
ชิ้นหรือจักเป็นช่องฟันใช้ครูดหรือกรีดเป็นจังหวะ
3. เครื่องหนัง หมายถึงเครื่องจังหวะที่ขึงด้วยหนังได้แก่ กลอง รำมะนาพื้นเมืองเป็นกลองก้นเปิดลักษณะคล้ายรำมะนาลำตัดตัวกลองทำด้วยไม้เนื้อแข็งขนาดใหญ่กว่ารำมะนาลำตัดเล็กน้อยแต่เนื้อไม้หนากว่าจึงทำให้มีน้ำหนักมากกว่าใช้หนังขึงหน้าเดียวอีกหน้าเปิดโล่งขึงขอบหน้ากลองให้ตึงด้วยริ้วหนังรำมะนามีระดับเสียงทุ้มต่ำใช้ประกอบวงกลองยาวเพื่อเน้นจังหวะหนักของกลองยาวให้แจ่มชัดและน่าฟังยิ่งขึ้น
การประสมวงดนตรีพื้นบ้านอีสานเหนือ
การประสมวงดนตรีตามกลุ้มวัฒนธรรมหมอลำ
เป็นกลุ้มวัฒนธรรมแถบอีสานเหนือเป็นส่วนใหญ่ในสมัยก่อนไม่นิยมประสมวงหรือการบรรเลงด้วยกันจะมีเฉพาะประเภทกลองยาวแลเครื่องดนตรีผู้ไทเท่านั้นส่วนมากนิยมเล่นเครื่องดนตรีต่างๆเป็นเอกเทศหรือเล่นเดียวต่อมาภายหลังได้มีการประสมวงพิณวงแคนวงโปงลางที่นิยมเล่นในสถาบันการศึกษาต่างๆส่วนวงดนตรีพื้นบ้านที่เป็นของชาวบ้านจะมีน้อยมากที่พอมีอยู่บ้างก็คือวงเพชรพิณทองซึ่งนำมาเล่นร่วมกับวงดนตรีลูกทุ่งจนเป็นที่นิยมแพร่หลายรายละเอียดของการประสมวงดนตรีพื้นบ้านอีสานมีดังนี้
1. วงกลองยาว เป็นการประสมวงกลองยาวประกอบด้วยกลองยาวประมาณ3-4ใบกลองรำมะนาใหญ่ที่ชาวบ้านเรียกว่ากลองตึ้ง1ใบและฉาบ1คู่ตีเป็นทำนองและจังหวะแบบอีสานชาวบ้านมักร้องเป็นทำนองว่า“เปิ้ด เป่ง ฮึ้มเป่งเปิ้ด เป่ง เป่ง เปิ้ด เป่ง เป่ง เป่ง เปิ้ด ป่ง ฮึ่ม”กลองยาวมักนิยมใช้ประกอบขบวนแห่ตามงานบุญต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแห่กันหลอนในงานบุญพระเวสฯ
1. วงกลองยาว เป็นการประสมวงกลองยาวประกอบด้วยกลองยาวประมาณ3-4ใบกลองรำมะนาใหญ่ที่ชาวบ้านเรียกว่ากลองตึ้ง1ใบและฉาบ1คู่ตีเป็นทำนองและจังหวะแบบอีสานชาวบ้านมักร้องเป็นทำนองว่า“เปิ้ด เป่ง ฮึ้มเป่งเปิ้ด เป่ง เป่ง เปิ้ด เป่ง เป่ง เป่ง เปิ้ด ป่ง ฮึ่ม”กลองยาวมักนิยมใช้ประกอบขบวนแห่ตามงานบุญต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแห่กันหลอนในงานบุญพระเวสฯ
รูปภาพ วงกลองยาว
2. วงแคน ประกอบด้วยเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสานโดยมีแคนเป็นหลักจะมีจำนวนสักกี่เต้าก็ได้นอกจากนั้นมีเครื่องดนตรีเสริมด้วยเช่นพิณ ซอฉิ่งไหซองและกลองตามที่เห็นสมควรในแต่ละท้องถิ่น
รูปภาพ วงแคน
3. วงพิณ ประกอบด้วยเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสานที่มีพิณเป็นหลักจะมีกี่ตัวก็ได้นอกจากนั้นก็มีเครื่องดนตรีประกอบเสริมเช่นแคนซอฉิ่งและกลอง
รูปภาพ วงพิณ
4. วงโปงลาง ประกอบด้วยวงดนตรีอีสานที่มีโปงลางเป็นหลักโดยจะมีโปงลางกี่ผืนก็ได้
นอกจากนั้นมีเครื่องดนตรีเสริมเช่นพิณแคนซอ
ฉิ่ง กลอง เป็นต้น
รูปภาพ วงโปงลาง
5. วงลำเพลิน ประกอบด้วยแคนและกลองชุด
รูปภาพ วงลำเพลิน
6. วงลำซิ่ง ประกอบด้วยแคนและกลองชุด
รูปภาพ วงลำซิ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น